วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Life in New York 4

ช่วงหลังๆที่อยู่นิวยอร์กก็มีแต่การใช้ชีวิตแบบนิวยอร์กเกอร์
ออกไปเรียน(บางครั้ง) นั่งซับเวย์(แทบทุกวัน) ซื้อของฝากเพื่อน(ก่อนจะกลับ)
มีพิเศษหน่อยก็วันชาติอเมริกาที่ไปดูพลุที่ Brooklyn Bridge แต่สิ่งที่ได้เห็นคือหัวคนนับร้อย เลยต้องวิ่งหาที่ดูใหม่วิ่งalong ไปกับชาวบ้าน(โครตมันส์)

ของฝากเพื่อนๆ

เสียดายไม่มีรูปวันชาติเลย เอากล้องไปแต่ถ่ายอะไรไม่ได้เลย แงงงง 

และแล้ววันสุดท้ายของการอยู่บ้านโฮสก็มาถึง บอกเลยว่าใจหายมาก
วันสุดท้ายไอด้าไม่อยู่ด้วย เพราะไอด้ากลับบ้านไปแล้วแต่ก็ทิ้งของฝากไว้ให้เราก่อนกลับเรียบร้อย
เราอยากกอดไอด้าแล้วบอกว่า ขอบคุณมากๆที่คอยดูแล ขอบคุณมากจริงๆ ที่ไม่เคยบ่นและคอยช่วยทุกอย่าง
มีครั้งนึง เอาจานไอด้าไปเวฟไส้กรอกหมูกิน(ไอด้าเป็นอิสลาม) ไอด้าก็ไม่เคยว่าเลยโทษแต่ว่าเป็นความผิดของตัวเอง บอกว่าให้เอาจารย์ไปไว้ข้างนอก ไม่เป็นไรๆ
แต่ตั้งแต่วันที่ไอด้าบอกให้เอาจานไปไว้ข้างนอก จนวันสุดท้ายที่ออกจากบ้านมันก็ยังอยู่ในกระถางต้นไม้หน้าบ้านเหมือนเดิม (นี่เราทำให้ไอด้าเสียทั้งจานและแก้ว! ขอโทษนะคะ)

วันสุดท้ายเราเตรียมเก็บของไว้เรียบร้อยตั้งแต่เช้าและไม่นานก็มีคนมากรดกริ่งเป็นคนที่ไม่คาดคิดเลย
เป็นนักเรียนใหม่มาจากบราซิล! เราก็คิดว่าต้องได้อยุ่ห้องเราแน่ๆ เลยต้องขนของออกมารอที่ห้องนั่งเล่น ปากก็ทักทายและแนะนำการเดินทางจากที่นี่ไปโรงเรียนไปแมนฮัตตัน นางก็ไม่ค่อยพูดเท่าไรแต่ก็เป็นมิตรดี

รูปห้องที่ถ่ายมาวันสุดท้ายที่อยู่(ทำหน้าต่างพังด้วยต้องเอาขวดน้ำยาซักผ้าไปค้ำ)

จากนั้นก็มีรถที่เราจองทางอินเตอร์เน็ตมารับเราไปที่โฮสเทลแห่งหนึ่งที่บรู๊คลิน เราไม่ได้กลับเลยเพราะยังอยากอยู่ต่ออีกหน่อย เลยจองโฮสเทลไว้ หน้าตาเป็นแบบนี้





สะอาดและดูดีมากมีเพื่อนร่วมห้องเป็นสาวเยอรมันสองคน แอฟริกาใต้หนึ่งคน(สวยมาก)

ย้ายมาวันแรกปุ๊ป เพื่อนชวนเที่ยวปั๊ป ไปตึก Top of the rock 
ตอนแรกว่าจะไป Empire state แต่ว่าถ้าไปเอมไพร์ก็จะไม่เห็นเอมไพร์ไง ก็เลยขึ้นท็อปออฟเดอะร็อคแืนเพื่อจะได้เห็นเอมไพร์เสตท 




วันนั้นมีคนมีถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย น่ารักมาก

หลังจากวันที่ไปเที่ยว Top of the rock ก็เหลือเวลาอยู่ที่นิวยอร์กอีกไม่กี่วันก็ต้องกลับไทย ช่วงเวลาที่เหลือนั้นส่วนมากใช้ไปกับการไปเที่ยวและซื้อของกับเจสซี่ พยายามเก็บช่วงเวลาที่เหลือให้มากที่สุด พยายามไปเดินเล่น เตร็ดเตร่บ่อยๆ 
 หลุมศพกลางเมืองที่ไปนั่งเล่นกัน

อีกหนึ่งภารกิจที่ต้องทำก่อนกลับไทยคือ ไปเอาของที่ไปรษณีย์ที่เพื่อนส่งมาให้ คือถึงนานแล้วแต่ไม่ได้ไปเอาสักทีสรุหคือไปเอาวันสุดท้ายและไม่ได้ใช้เลย เสียค่าส่งเปล่าจริงๆ 



วันนั้นเป็นวันที่ฟ้าครึ้มบรรยากาศดีมาก ไม่มีการเร่งรีบอะไรทั้งนั้น เปลี่ยนรถไฟถึงสองครั้งนั่งยาวๆไป คนบนรถไฟไม่ค่อยเยอะนัก มีคนเอาแมวขึ้นซับเวย์ด้วยเอาใส่กระเป๋าผ้าแล้วนั่งกอด น่ารักมาก 
ไปถึงก็ยื่นพาสปอร์ตเซ็นชื่อรับของจบ กลับโฮสเทลเอาของไปไว้แล้วไปแฮงค์เอาท์กับเจสซี่ต่อเป็นวันสุดท้าย จำได้ว่าไปซื้อขนมของฝากกันใน K-mart ด้วย 
แล้วเราก็ร่ำลากัน กอดกัน และพูดกันว่าถ้ากลับไทยแล้ว ไปนั่งกินสตาร์บั๊คกัน(อยู่นิวยอร์กกินบ่อยมากกกกกกกก เพราะสะดวก อร่อย พนักงานมารยาทดีและฟรี wi-fi) 

พอกลับโฮสเทลรอสักพักก็เช็คเอาท์ออก พนักงานทำหน้างงนิดๆ เพราะมันไม่ใช่เวลาเช็คเอท์ 
รถมารับจอดอยู่ข้างนอก ฝนตกเล็กน้อย ปรอยๆ ครึ้ม(ยังจำบรรยากาศได้อยู่เลย) 

และแล้วเราก็จากโฮสเทลไปสนามบิน เช็คอิน แล้วก็ขึ้นเครื่อง 

หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวอีโบล่าระบาด ประเด็นคือมันไปอเมริกาค่า แต่กูออกมาแล้วค่า ทันค่า 5555555

จากวันแรกที่อยู่จนวันสุดท้ายอะไรๆมันก็เปลี่ยนไปมากจริงๆ ยอมรับเลยว่าวันสุดท้ายอยากกลับไทยมากเพราะคิดถึงแม่ คิดถึงบ้าน คิดถึงเพื่อนๆ แต่พอเรากลับมาเท่านั้นแหละ
กลับคิดถึงนิวยอร์กสุดหัวใจ

ขอบคุณประสบการณ์ดีๆนะ ถ้ามีโอกาสจะกลับไปหา