วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Life in New York 1

เมื่อเกือบ1เดือนที่แล้วได้มีโอกาสไปซัมเมอร์ที่นิวยอร์ก มหานครแห่ง...Everything ก็ว่าได้
โพสต์นี้ก็ขอมาเล่าประสบการณ์และเรื่องน่ารู้สำหรับคนที่จะเดินทางไปนิวยอร์ก 

First day

เมื่อลงจากเครื่องปุ๊ป ผ่านตม ปุ๊ป รับกระเป๋าปุ๊ป(นานมาก) ก็ได้เวลาเดินทางไปยังที่พักที่จองเอาซึ่งอยู่ที่บรู๊คลิน(เป็นเขตหนึ่งของนิวยอร์ก เดี๋ยวใส่ข้อมูลไว้ในส่วนเรื่องน่ารู้)  
วันแรกก็โชว์เหนือเลย โนแท็กซี่พี่ไปเอง จะไม่มีการขึ้นแท็กซี่แล้วเสีย40-50$(พันกว่าบาท)แน่ๆ
เราเลยเลือกขึ้น Air Train ของสนามบินแล้วไปต่อซับเวย์เข้าบรู๊คลินเอง 
มาวันแรกก็โดนเล่นเลย... ซื้อบัตร Subway ยังไงวะ! ก่อนมาก็ทำการบ้านมานิดหน่อยเรื่องการซื้อบัตร Subway(ดูคลิปยูทูป) ก็เลยเดินต๊อกแต๊กลากกระเป๋าใบเบอเริ่มไปที่ตู้แต่เกิดปัญหาว่า แล้วมันเท่าไรล่ะวะเนี่ย!
สถานีที่เราจะไปคือ Hoyt schermerhorn st ซึ่งต้องนั่งรถไฟสาย A ไป แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันต้องซื้อเท่าไร บีทีเอสบ้านเราแต่ละสถานีคือเสียไม่เท่ากัน เราก็คิดว่ามันอาจจะเป็นอย่างเดียวกันเลยไปถามพนักงานแถวนั้นดู 
"Excuse me, I want to go to this station" ยื่นมือถือให้ดู นางก็ตอบมาด้วยหน้าตาแอบดุ (แง๊ กลัวจริงจัง ตอนนั้น) 
"You have to purchase a metro card 7.50$" ความจริงเรายังไม่เกทหรอก มีคำถามอีกเยอะเลยแต่ไม่กล้าถามเห็นหน้าดุจัง ก็แอบเก็บความกลัวไว้ในใจ เริ่มฝังหัวละ คนที่นี่แอบดุว่ะ!

 
ภาพจาก Google

จากนั้นเราก็เดินไปซื้อบัตรเมโทร จิ้มก็จิ้มมันไปมั่วๆเหมือนที่ดูมาในคลิป ก็ได้มาแล้วก็สอดบัตรแล้วก็ผ่านประตูมาก็โอเคง่ายดายดี ปัญหาเกิดอีก นี่กูมาถูกทางไหมเนี่ย! รถไฟสายนึงก็มีปลายทางสองข้าง บ้านเราปลายทางหมอชิต เค้าก็บอกหมอชิต แบร์ริ่งก็บอกแบร์ริ่ง แต่นี่บางทีไม่บอกสถานีปลายทาง แต่นางจะบอกสถานีฮิตๆ สถานีใหญ่ที่คนลงกัน เราก็งงค่ะบวกกับหาทางไปอีกแพลตฟอร์มนึงไม่ได้ก็เลยไม่ได้เดินไปดู ตัดสินใจลองเสี่ยงไปทางนี้เลย พอถึงแพลตฟอร์มก็รอรถไฟสักพักก็มา มีป้ายกลมๆติดหน้ารถไฟว่า A เป็นตัวหนังสือสีน้ำเงินก็โอเค น่าจะใช่ละนะ 

รถไฟที่นั่งเป็นรถไฟเก่า ไม่มีประกาศสถานีต่อไป ไม่มีป้ายให้ดูว่าถึงไหนแล้วต้องอาศัยมองออกไปนอกหน้าต่างเอาว่าถึงไหนแล้ว ผ่านไปประมาณสองสถานีเราเริ่มรู้สึกแปลกๆ เหมือนเป็นเซนส์
บนซับเวย์จะมีแผนที่ซับเวย์ให้ดูเราก็ไปส่องๆและพบว่า มาผิดทางค่ะ!!! 
นี่มันไปทาง Far rockaway แต่เราจะไปทาง Inwood นะ T^T ถึงสถานีต่อไปรีบลงแทบไม่ทัน
ตอนนั้นก็แอบใจเสียแล้วนิดนึง แล้วสถานีที่เราไปลงก็มีแต่วัยรุ่นยืนกันเป็นกลุ่มๆ น่ากลัวมากกกกกกกกกกก (ความช็อคที่ฝังใจอีกอย่าง) 

กระเป๋าก็หนักมากต้องยกขึ้นบันไดข้ามไปอีกแพลตฟอร์มนึง (ใช้เซนส์ล้วนๆว่าถ้าจะกลับไปทางเดิมต้องไปแพลตฟอร์มตรงข้าม ขอเตือนว่าให้ดูดีๆ เพราะซับเวย์นิวยอร์กมีหลายสายมาก บางสถานีมันจะไม่ได้อยู่แพลตฟอร์มตรงข้าม แต่พอดีสถานีที่อยู่เป็นสถานีเล็กมีไม่กี่สาย เราเลยรอดตัวไป) 

รอรถไฟด้วยใจสั่นๆอีกสักพัก(ใหญ่)รถไฟก็มา แต่เป็นรถไฟอะไรก็ไม่รู้ไม่ใช่สาย A!! เอาล่ะจ้ะ ตอนนั้นความรู้น้อยจะขึ้นดีไหม ก็บ้านเราแพลตฟอร์มนึงรถไฟสายนึงเลยนี่นา แต่ดูดีๆ! ซับเวย์นิวยอร์กมันเยอะมากๆ แพลตฟอร์มนึงมีหลายสายที่จอดได้ เพราะฉะนั้นต้องดูที่ตัวรถไฟว่าใช้รถไฟที่เราต้องการหรือไม่
ดีนะตอนนั้นไม่หลงขึ้นไป ไม่งั้นคงไม่ถึงที่พัก 

โอเค สักพักรถไฟสายเอก็มา ถูกทางละเราก็ขึ้นไปนั่งและรู้สึกสบายใจขึ้น มองไปรอบๆตัวก็เห็นคนอยู่บนรถไฟเยอะแยะ เห็นความแปลกประหลาดของคนที่นี่ บางคนก็มองหน้าเรา บางคนก็ใส่หูฟังแล้วเต้นเหมือนตัวเองอยู่คนเดียว Such a strange city! 

ข้ามมาตอนที่ลงที่สถานี Hoyt schermerhorn st แล้ว ก็ต้องต่อสาย G เราออกจากรถไฟมาก็เจอสายGอยู่ตรงข้ามเลย ขึ้นเลยจ้า ผิดทางเลยจ้า 555555555 
เหมือนครั้งแรกเลย กว่าจะถึงก็ปาไปหลายชม. 
(แบกกระเป๋าขึ้นลงบันได, เปลี่ยนแพลตฟอร์มลำบากสุด ดีนะมีหนุ่มมะกันช่วยไว้ 5555)


ถึงที่พักเป็น Hostel เล็กๆในบรู๊คลินทำการเช็คอินอย่างเบิกบานใจ 
ห้องโฮสเทลจะเป็นเตียงรวม จะไม่เหมือนโฮเทลที่หรูกว่าแต่ก็แพงกว่าด้วย เราเลยเลือกนอนโฮสเทลแทน พอวางของวางอะไรก็เลยเดินไปหาอะไรกิน ความช็อคอย่างที่สองกำลังจะบังเกิด...

เราไม่ได้ทำการบ้านมาเลยว่า ที่นี่เขาอ่านราคาสินค้ากันอย่างไร แล้วร้านแรกที่เราเลือกเข้าเป็นร้านของชำธรรมดาที่ไม่ติดราคาสินค้า! ไม่มีเครื่องคิดเงินที่บอกราคาให้เราดูได้! เราเลยต้องฟังเค้าพูดปากเปล่าแล้วปรากฏว่า... 

me: how much?
owner: 3.75$
me: Sorry?
owner: 3.75$ เอามือขีดๆ เคาท์เตอร์เป็นเลขให้ดูแต่ก็ดูไม่รู้เรื่อง ทำหน้างง สุดท้ายเราเลย 
กางแบงค์ทุกแบงค์ที่มีให้เขาเลือกหยิบเอาเลยจ้าาาาา (ไม่ควรทำ) 
เค้าเลยหยิบแบงค์ 10$ ไปและให้ตังทอนกลับมาพร้อมบอกว่า เก็บตังไว้ดีๆ ระวังๆด้วย เราก็แต๊งกิ้วๆ

จะบอกว่า ที่นี่เค้าอ่านราคาของกันแบบนี้ 
3.75$ จะไม่อ่านว่า three dollars seventy five cents << NO!
เค้าอ่านแค่ three seventy five << YES เท่านั้นซึ่งเราก็งงไปตามระเบียบ
เดี๋ยวจะเขียนเรื่องนี้เพิ่มในส่วนเรื่องน่ารู้ 

หลังจากกลับจากร้านชำนั้นเราก้ไม่อยากไปไหนอีกเลยได้รับอากาาร Culture Shock มาตามระเบียบ
ในหัวเต็มไปด้วยเรื่องต่างๆ ทำไมคนที่นี่ไม่ค่อยยิ้ม ทำไมคนที่นี่ดูดุ ดูใจร้าย ทำไมเราฟังอะไรไม่ออกเลย จะอยู่ได้ไหม ไม่น่าเที่ยวแล้ว กลัวไปหมด 

แต่คิดได้ไม่นานก็สลบเพราะเจทแลก หลับตั้งแต่4โมงเย็นและตื่นตอนตี4 แล้วก็ขยับมาตื่นตี5, 6โมง จนกลายหายเป็นปกติ ใช้เวลาประมาณ1อาทิตย์

มีต่อ... 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น