วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Life in New York 2

ชีวิตการอยู่โฮสเทลก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักเพราะมันเป็นการที่เราต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นด้วย
ใครก็ไม่รู้ที่เราไม่รู้จัก ก็กังวลกันไป เราจะต้องคุยกับเขาไหม ของจะหายไหม ถ้าเขาถามเราพูดกับเราเราจะรู้เรื่องไหม แต่เอาเข้าจริงๆ บอกเลยว่า แทบจะไม่มีใครคุยกันเลย ต่างคนต่างอยู่มาก ยกเว้นที่คนที่เค้ามาด้วยกันเป็นเพื่อนกันเขาก็เมาท์กันมันส์ไปและเรื่องของหายก็ไม่มีเลย(หรือเราเจอแต่คนดีๆก็ไม่รู้)
ต่างคนต่างเก็บของตัวเอง บางคนเก็บไม่ดีด้วยซ้ำ วางกระเป๋าทิ้งไว้มั่วซั่วบนเตียง โทรศัพท์มือถือก็ชาร์ตรวมๆกัน แต่ก็ไม่มีเรื่องของหายเลย

เนื่องจากว่าช็อคกับการซื้อของไปครั้งที่แล้วทำให้เรากลัวการเข้าร้านขายของหรือร้านอาหารไปโดยปริยายในระหว่างการอยู่โฮสเทลแต่เหมือนพระเจ้ายังเข้าข้างให้เจอร้านสะดวกซื้อแบบมีเครื่องคิดเงินแถวนั้น เข้าไปแต่ละทีเราก็จะไปซื้อครัวซองท์กับน้ำส้มขวดใหญ่ๆมาเก็บไว้หลายๆอัน สรุปคือก็กินแค่นั้นแหละทั้งอาทิตย์ เพราะเราไม่กล้าเข้าครัวในโฮสเทล บางทีก็อยากด่าตัวเองนะ ก็แค่เข้าครัวเองคนอื่นเขาก็เข้าไปทำอาหารกันเต็มเลย หอมฉุย แต่เราก็ไม่กล้าอยู่ดี เพิ่งมากล้าเอาตอนจะออกจากโฮสเทลนั่นแหละ! เริ่มซื้อมาม่ามาต้มกิน(อาหารไม่ดีจากเดิมเท่าไร) แล้วก็กินน้ำส้มเยอะมาก เยอะจนน้ำในร่างกายจะกลายเป็นน้ำส้ม 55555 ช่วงนั้นเลยน้ำหนักลงนิดหน่อย เพราะไม่ได้กินอาหารแบบดีๆและเป็นชิ้นเป็นอัน

และเหมือนพระเจ้าจะเห็นใจอีกครั้ง คือมีเพื่อนคนนึงมาซัมเมอร์ที่นิวยอร์กเหมือนกันเราเลยขอให้มันพาไปเที่ยวเพราะมันมาถึงก่อนเราน่าจะพอรู้เส้นทาง เรานัดกันที่ Penn Station ฝั่ง 7th Ave และคุณท่านก็พาเพื่อนมาด้วยอีกสองคน คือ พี่โอ๊ตกับเจสซี่ พี่โอ๊ตเป็นนักเรียนไทยที่เรียนจบแล้วมาเรียนภาษาที่นิวยอร์ก 6 เดือน ส่วนเจสซี่เป็นนักเรียนมหาลัยปีสองอายุเท่าๆเรา เป็นสาวเวียตนามที่เคยไปอยู่ลาว และชอบดูละครไทย พูดไทยไม่ค่อยชัด

วันนั้นเป็นวันที่สนุกที่สุดตั้งแต่มานิวยอร์ก เราไปเซนทรัลปาร์คนั่งคุยกันและไปต่อที่บรู๊คลินบริจ ถึงจะไม่ได้ขึ้นสะพาน(เพราะหาทางขึ้นไม่เจอ) แต่มันก็เป็นวันที่สนุกมาก ยืนถ่ายรูปตึกตอนกลางคืนก็คิดในใจ 'นิวยอร์กมันสวยว่ะ' และจากนั้นการอยู่นิวยอร์กมันก็น่าตื่นเต้นขึ้นมา

เซ็นทรัลปาร์ค

แสงสียามค่ำคืน

บรู๊คลินบริจ

จากครั้งเราก็ได้เพื่อนเพิ่มมา และคนสำคัญก็คือเจสซี่นั่นเอง! นางพาเรากิน พาเราเที่ยว พาเราซื้อของ ถ้าไม่มีเธอฉันคงแง่กอยู่แต่ในที่พักและนอนจนตูดบาน... ถ้าได้อ่านก็ขอให้รู้ว่าเราขอบคุณมากๆนะ รักแก อ่อ ใช่ เจสซี่อ่านภาษาไทยไม่ออก...

ไม่นานช่วงเวลาการอยู่โฮสเทลก็ผ่านไป เราอยู่โฮสเทลประมาณ1อาทิตย์เพื่อสำรวจที่ทางและการใช้ซับเวย์จากนั้นก็ย้ายออกไปโฮมสเตย์ที่โรงเรียนภาษาจัดให้ ตอนที่จะออกจากโฮสเทลก็เศร้านิดหน่อยเพราะว่าเริ่มชินแล้วอ่ะ เริ่มใช้ครัว เริ่มแช่ของในตู้เย็น ผูกมิตรกับแมวในโฮสเทลแล้วด้วย แจสเปอร์ คิดถึงแก!

แจสเปอร์ แมวที่อ้วนและเหม็นแต่น่ารัก

วันแรกที่เข้าโฮมสเตย์ มีรถมารับเราที่โฮสเทลไปส่งถึงที่ มันตื่นเต้นมากๆที่จะได้อยู่กับครอบครัวที่พูดภาษาอังกฤษจริงๆแล้ว เพราะเราฝันมาตลอดว่าอยากฝึกภาษากับโฮสนะ นู่นนี่นี่นั่น แต่พอไปถึงปุ๊ปเราไม่ได้เจอโฮส เจอแต่บ้านที่ล็อคไว้และเคาะกี่ครั้งก็ไม่มีใครมาเปิดให้เรา คุณน้าที่ขับรถมาส่งเราก็พยายามบีบแตรช่วยแต่ก็ยังไม่มีใครมาเปิด เคาะประตูจนเจ็บข้อนิ้ว กดกริ่งจนมือจะหัก เกือบถอดใจแล้วแต่พักนึงก็มีคนออกมา เป็นสาวญี่ปุ่นที่มองหน้าเราแบบงงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น